อ่านแล้ว 0
ในวันที่การพัฒนาทางอุตสาหกรรมถาโถม ชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งลุกขึ้นต้านทานมันเพื่อปกป้องตนเอง ...เรากำลังพูดถึงชาวประมงพื้นบ้านในตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ที่ซึ่งเส้นทางการต่อสู้ของพวกเขาได้รับการบันทึกไว้ในสารคดีเรื่อง “นักรบผ้าถุง เริน เล และแสงตุหวัน” (Sarong Warrior Documentary) ผลงานของ กีรติ โชติรัตน์ และ เชี่ยววิทย์ พัฒนสุขพันธ์ สองผู้กำกับชาวหาดใหญ่
ชื่อหนังที่เห็นนี้มีความหมายลึกซึ้งทีเดียว “เริน” ในภาษาสะกอมแปลว่าบ้าน “เล” คือทะเล และ “แสงตุหวัน” หมายถึงแสงอาทิตย์ หรือก็คือแสงแห่งความหวังนั่นเอง
การรวมตัวกันของ “นักรบผ้าถุง” เริ่มต้นขึ้นเมื่อโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่รุกเข้าไปยังพื้นที่และคุกคามทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง (โดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งปกติมีบทบาทสำคัญในครัวเรือน ทั้งการคอยทำอาหาร ส่งเสบียงให้สามีที่เป็นชาวประมง และเป็นแม่ค้านำสัตว์ทะเลที่จับได้ไปขาย) จึงตัดสินใจเปลี่ยนหน้าที่มาสวมบทบาทนักสู้ พวกเธอเดินทางมุ่งสู่กรุงเทพฯ เพื่อทวงถามคำสัญญาจากรัฐบาลจนกลายเป็นภาพจำของม็อบคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่สะท้อนผ่านเสื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งการคลุมฮิญาบและนุ่งผ้าถุง ซึ่งแสดงถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาของพวกเธอ
ภาพจากสารคดีเรื่อง นักรบผ้าถุง เริน เล และแสงตุหวัน
ภาพจากสารคดีเรื่อง นักรบผ้าถุง เริน เล และแสงตุหวัน
สารคดีเรื่องนี้พาเราไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าทะเลจะนะสมบูรณ์แค่ไหน บริเวณพื้นที่สามตำบลที่ติดกับอ่าวไทย ได้แก่ ตำบลนาทับ ตำบลตลิ่งชัน และตำบลสะกอมนั้นเป็นแหล่งอาหารทะเลสุดหลากหลาย กิจวัตรของชาวบ้านคือการออกเรือประมงไปจับสัตว์น้ำตามฤดูกาลตั้งแต่เช้ามืด แล้วกลับมาขายกันสด ๆ ใหม่ ๆ ที่แพปลาแบบวันต่อวัน นอกจากนั้นเรายังได้รู้จักกับงาน “ปลดส็อกแส็ก” หรือแกะขยะออกจากอวนจับปูซึ่งเป็นงานสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ต่อเนื่องให้กับคนเปราะบางในชุมชน ตลอดจนภาพชีวิตประจำวันด้านอื่น ๆ ของชาวสะกอม เช่น การสอนทั้งเรื่องศาสนาและความรู้ทางวิชาการให้กับเด็ก ๆ ขนานไปกับเสียงละหมาดตามสาย 5 เวลา ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้คนที่นี่มีความผูกพันชิดใกล้กับอัตลักษณ์ท้องถิ่น ศาสนา และท้องทะเล ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมมายาวนาน
ภาพความงดงามดังกล่าวถูกเล่าสลับกับเรื่องราวการต่อสู้ที่ดำเนินมาต่อเนื่องกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ที่มีการคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียซึ่งนำมาสู่การสลายการชุมนุม จนถึงปี พ.ศ. 2562 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติผลักดันอำเภอจะนะให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” โดยเป็นโครงการที่กินพื้นที่กว้างมหาศาล มีทั้งท่าเรือน้ำลึก เขตอุตสาหกรรมเกษตร นิคมอุตสาหกรรมหนัก เบา โรงผลิตไฟฟ้า และเขตอุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจายสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ชุมชนต้องลุกขึ้นเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอโครงการและจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ประกอบการพิจารณาอีกครั้ง
ประเด็นที่ผู้เขียนสนใจ คือการปรับตัวของชาวบ้านยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ด้วยข้อมูลและองค์ความรู้ มีการร่วมมือกับเครือข่ายอนุรักษ์และนักวิชาการในการจัดเก็บข้อมูลและทำวิจัยสำรวจทรัพยากรและสัตว์น้ำในทะเล ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังยึดมั่นกับวิถีเฉพาะตัวโดยเฉพาะหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด (ซึ่งถูกมองว่าเป็นพลังทางจิตวิญญาณที่ทำให้พวกเขายืนหยัดไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ) และที่สำคัญที่สุดคือ การที่แกนนำของการเรียกร้องนี้เป็นผู้หญิงซึ่งเป็นบทบาทใหม่และแสดงถึงความผูกพันระหว่างเพศหญิงกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง
จุดที่ชวนสะเทือนใจหนีไม่พ้นการที่รัฐและทุนมักมุ่งแผนการพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจเป็นหลักเสมอ แล้วมองข้ามคุณค่าของทรัพยากรและวิถีชีวิตชุมชนจนหมดสิ้น ยิ่งกว่านั้น รัฐที่มีนโยบายเอื้อทุนใหญ่ก็ยังมักจงใจละเลยประเด็นความยั่งยืน ทั้งที่ในความเป็นจริง ทะเลแห่งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์เพียงต่อคนในพื้นที่จะนะ แต่ความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพนั้นมีความหมายอย่างยิ่งยวดต่อคนทั้งประเทศ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าคนทั้งโลก ทุกการตัดสินใจเกี่ยวกับมันจึงควรเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางบ้านเกิดของตน และให้สาธารณชนได้รับรู้ ตรวจสอบ และทัดทานได้อย่างโปร่งใสตลอดทั้งกระบวนการ
ภาพจากสารคดีเรื่อง นักรบผ้าถุง เริน เล และแสงตุหวัน
ภาพจากสารคดีเรื่อง นักรบผ้าถุง เริน เล และแสงตุหวัน
▶ ติดตามสารคดี นักรบผ้าถุง เริน เล และแสงตุหวัน พาทุกคนไปสัมผัสชีวิตนักรบผ้าถุงกับการปกป้องและต่อสู้ กว่า 20 ปี ที่รักษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อ อาหาร ทรัพยากร อากาศ และทะเล คงไว้ไม่ให้เลือนหายไปกับกาลเวลา เพื่อส่งต่อรากเหง้าและจิตวิญญาณของบ้านเกิดให้คนรุ่นต่อไปได้ภาคภูมิใจไม่รู้ลืม
รับชมได้ทาง www.VIPA.me หรือ VIPA Application
ผู้ก่อตั้ง Documentary Club คลับของคนรักสารคดี และหนังนอกกระแส