The Gleaners and I เก็บเกี่ยวชีวิตและศิลปะในโลกที่ ‘เหลือทิ้ง’

อ่านแล้ว 0

รีวิว (0)

การนำเสนอความจริงอย่างเรียบง่าย แต่ด้วยสายตาอันงดงามและความคิดที่ลึกซึ้ง คือจุดเด่นและเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังสารคดีฝีมือ อานเญส วาร์ดา ผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศสผู้ล่วงลับ เธอเป็นที่รักของนักดูหนังทั่วโลกด้วยผลงานระดับคลาสสิกมากมายหลายเรื่อง อาทิ Cléo from 5 to 7 (1962), Vagabond (1985), The Beaches of Agnès (2008), Faces Places (2017) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ The Gleaners and I (2000) เรื่องนี้ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการบันทึกวิถีชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่เธอยังกระตุกให้เราเปิดมุมมองใหม่ เห็นคุณค่าในสิ่งที่อาจมองข้าม และชี้ชวนให้ตั้งคำถามถึงการบริโภคในสังคมสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความสิ้นเปลือง

แก่นของ The Gleaners and I คือแนวคิดเรื่อง ‘การเก็บตก’ (Gleaning) ซึ่งวาร์ดาพาเราไปสำรวจในหลากหลายมิติ เริ่มจากการปูพื้นว่า การเก็บตกนั้นเป็นประเพณีเก่าแก่ที่ผู้คนชวนกันไปเก็บรวบรวมพืชผลที่หล่นเหลืออยู่ตามทุ่งนา (หลังจากเจ้าของนาเก็บเกี่ยวผลผลิตหลักไปแล้ว) จากนั้นเธอกับกล้องของเธอก็ออกเดินทางไปทำความรู้จักคนเก็บตกในชนบทของฝรั่งเศสที่หยิบเก็บมันฝรั่งหรือองุ่นที่หลงเหลือ ก่อนขยายขอบเขตออกไปอีกสู่บริบทของเมืองได้อย่างน่าสนใจ เราจะได้เห็นคนเก็บของเก่าในตลาด คนยากไร้ที่เก็บอาหารจากถังขยะ หรือแม้กระทั่งศิลปินที่นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND Iภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND Iภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

ทำไมคนเราต้องไปเก็บตกของที่คนอื่นทิ้งแล้ว? หนังบอกกับเราว่า แรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำเช่นนี้มีมากมาย ทั้งเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด หรือบางคนก็ทำเพราะเป็น ‘ทางเลือกเชิงจริยธรรม’ ในการต่อต้านวัฒนธรรมการบริโภคอันฟุ่มเฟือยไร้สาระ ประเด็นหลังสุดนี้หนังชวนคิดได้น่าสนใจมาก ๆ ว่า ในยุคสมัยที่เรามีอาหารเหลือเฟือและยึดติดกับการบริโภคพืชผักผลไม้รูปร่างสวยงามสมบูรณ์แบบ จนทำให้อาหารที่ไม่ได้มาตรฐานหรือบริโภคไม่หมดต้องถูกทิ้งขว้างกันอย่างมหาศาลนั้น ก็ยังมีผู้หิวโหยอีกมากที่ต้องพึ่งพามันเลี้ยงปากท้อง ซึ่งนี่เป็นความเหลื่อมล้ำที่หนังนำเสนออย่างนุ่มนวล แต่ทำให้เราต้องตระหนักอย่างเจ็บปวดแสบสันว่า สังคมของเรากำลังให้คุณค่ากับสิ่งใดและกำลังทอดทิ้งสิ่งใดอย่างไม่ไยดี

นอกจากบอกเล่าเรื่องของคนที่เก็บตกเพราะความจำเป็นแล้ว คำว่า ‘Gleaner’ ของวาร์ดายังกินความอีกหลากหลาย เธอนำเสนอเรื่องของคนที่เเก็บตกเพื่อความสุขส่วนตัว เชฟระดับมิชลิน และเจ้าของไร่องุ่น ด้วยสายตาที่ปราศจากการวิพากษ์วิจารณ์ตัดสิน แต่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเข้าอกเข้าใจซึ่งทำให้หนังของเธอยิ่งน่ารักและลุ่มลึกด้วยในเวลาเดียวกัน

ความเก๋อีกประการของวาร์ดาคือ เธอมักนำประเด็นของบุคคลในหนังมาร้อยเรียงเข้ากับชีวิตของเธอในมุมใดมุมหนึ่ง ในที่นี้วาร์ดาเปรียบเทียบตัวเองในฐานะคนทำหนังว่าก็อาจจัดเป็นนักเก็บตกประเภทหนึ่งเช่นกัน เพราะเธอ ‘เก็บรวบรวม’ ทั้งภาพ เรื่องราว และความคิดต่าง ๆ จากโลกที่เห็นผ่านเลนส์กล้องเพื่อนำมาประกอบสร้างเป็นงานศิลปะนั่นเอง

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND Iภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND Iภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

วาร์ดาถ่ายทำ The Gleaners and I โดยใช้กล้องวิดีโอแบบมือถือ (DV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในขณะนั้น และมันก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ให้อิสระแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของอุปกรณ์ฟิล์มราคาแพงและสามารถเข้าถึงผู้คน สถานที่ ได้อย่างเป็นกันเองและใกล้ชิดมากขึ้น ทำให้เธอก้าวข้ามจากสถานะของ ‘คนทำสารคดีผู้สังเกตการณ์จากภายนอก’ ไปสู่การเป็น ‘ส่วนหนึ่งของเรื่องราว’ ได้ในที่สุด (ด้วยการที่เธอปรากฏตัวในหนังบ่อยครั้ง ทั้งมาเป็นเสียงบรรยายและมาแบบเห็นหน้า) 

การที่ผู้กำกับปรากฏตัวในงานของตัวเองเช่นนี้ถือเป็นวิธีที่ท้าทายมาก เพราะเธอจะต้องวางตัวอย่างพอดิบพอดี ไม่คุกคามซับเจ็กต์และไม่ชี้นำคนดูจนกลายเป็นเผด็จการหน้ากล้อง ซึ่งวาร์ดาก็ทำสำเร็จตามนั้น เธอทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังนั่งดู ‘หนังส่วนตัว’ ของเธอที่ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น มีอารมณ์ขัน ราวกับเรากำลังติดตามเพื่อนผู้มีวุฒิภาวะที่พาเราไปค้นพบความงามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ละทิ้งประเด็นทางสังคมที่จริงจังและมีความสำคัญ

The Gleaners and I ไม่เพียงถ่ายทอดเรื่องของการเก็บตก แต่ยังสำรวจความคิดเกี่ยวกับชีวิต ความชรา และศิลปะของตัววาร์ดาเองอย่างลึกซึ้งด้วยพร้อมกัน เธอใช้ภาพของร่างกายที่ร่วงโรยของเธอ สัญลักษณ์ของกาลเวลาอย่างนาฬิกาที่ไม่มีเข็ม หรือแม้กระทั่งมันฝรั่งรูปหัวใจที่เก็บได้ระหว่างการถ่ายทำ มาเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องความเสื่อมโทรมและความงามของสิ่งที่เรามักมองว่าถูกทิ้งขว้างหรือพ้นผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เธอมองเห็นความงามและชีวิตในสิ่งที่กำลังจะสูญสลาย และเธอก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของศิลปะซึ่งเกิดขึ้นได้จากสิ่งธรรมดาสามัญ

ในแง่นี้ สารคดีเรื่องนี้จึงเป็นมากกว่าการบันทึกความจริง แต่เป็นการเดินทางทางความคิดของผู้กำกับที่ชวนให้ผู้ชมอย่างเราหันกลับมามองโลกในมุมที่ต่างจากเดิม วาร์ดาไม่ได้เรียกร้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่เธอทำก็มีความเป็นการเมืองอย่างมากในรูปแบบของเธอเอง เพราะเธอเย้าแหย่ให้เราไตร่ตรอง ตั้งคำถาม และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมองข้าม...อันมิได้หมายถึงแค่หัวมันหรือเศษอาหาร แต่รวมถึงเพื่อนมนุษย์รอบตัวของเราเองด้วย

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND Iภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND Iภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

▶ ติดตามสารคดี The Gleaners and I "อานเญส วาร์ดา" สำรวจชีวิตในโลกยุคสมัยใหม่ของเหล่า "นักเก็บ" ผู้เลี้ยงชีพด้วยการเก็บสิ่งของที่ถูกสังคมโยนทิ้ง วาร์ดาติดตามพวกเขาอย่างสนุกสนานและถ่ายทอดด้วยสายตาของคนที่มองเห็น ความงามในทุกสิ่งไม่ว่าสิ่งนั้นจะคือความแก่ชราหรือเป็นแค่มันฝรั่งที่บังเอิญเกิดมารูปร่างเหมือนหัวใจ นอกจากนั้นเธอยังใช้หนังสะท้อนตัวของเธอไปด้วยในเวลาเดียวกัน ขณะที่ผู้คนในหนังเก็บสิ่งของรอบกาย เธอก็เป็นนักเก็บภาพเคลื่อนไหวและความคิด ทั้งสองมิตินี้ประสานเข้าด้วยกัน ทั้งขี้เล่น เป็นปรัชญา และรุ่มรวยไปด้วยความเป็นมนุษย์

รับชมได้ทาง www.VIPA.me หรือ VIPA Application

เกี่ยวกับผู้เขียน
ธิดา ผลิตผลการพิมพ์

ผู้ก่อตั้ง Documentary Club คลับของคนรักสารคดี และหนังนอกกระแส

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ธรรมชาติ
Documentary Club
สารคดี VIPA
VIPAdotMe
VIPA Best Documentary
VIPA